รับทําบัญชี ปทุมธานี
บริษัท ปังปอน จำกัด รับทำบัญชี ปทุมธานี เปิดให้บริการมาแล้วมากกว่า 20 ปี รับทำบัญชี บัญชีสรรพากร เป็น ” สำนักงานบัญชีคุณภาพ ” ที่รับรองโดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) มาแล้วกว่า 10 ปี และ เป็น ” สำนักงานบัญชีตัวแทนสรรพากร “ สามารถจัดเก็บเงินภาษีได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย (Tax agent) เน้นการให้บริการทำบัญชีรายเดือน ปิดงบการเงินรายปี ครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัด รับทำบัญชี ปทุมธานี และ นนทบุรี บึงยี่โถ แถวรังสิต ลำลูกกา ตลอดจน เขตพื้นที่ภายในกรุงเทพ
บริษัท ปังปอน จำกัด ให้บริการ
เราเน้นให้บริการผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาในการจัดทำบัญชี ไม่มีเวลาจัดเก็บเอกสาร ภาษีซื้อ ภาษีขาย ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และ ผู้ประกอบการที่ให้ความสำคัญกับ การทำบัญชี และภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ เปิดกิจการใหม่ เป็นหลัก รับทำบัญชี ปทุมธานี ลักษณะที่รับส่วนใหญ่ เป็นงานบริการ งานซื้อมาขายไป ขายของออนไลน์ เป็นต้น
ปรึกษา ปัญหาบัญชี สนใจ ใช้บริการ โทรเลย

รูปแบบองค์กรธุรกิจ
การประกอบธุรกิจอาจดําเนินการได้หลายรูปแบบ ทั้งโดยบุคคลคนเดียวเป็นเจ้าของกิจการ หรือ อาจดําเนินการโดยร่วมลงทุนกับบุคคลอื่นเป็นกลุ่มคณะก็ได้การที่จะตัดสินใจเลือกดําเนินธุรกิจการค้าใน รูปแบบใดนั้น ผู้ประกอบการจะต้องคํานึงถึงองค์ประกอบที่สําคัญหลายประการด้วยกัน เช่น ลักษณะของกิจการค้า เงินทุน ความรู้ความสามารถในการดําเนินธุรกิจ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้การประกอบ ประสบผลสําเร็จ และนํามาซึ่งผลประโยชน์และกําไรสูงสุด
ตัวอย่างรูปแบบองค์กรธุรกิจ
- เจ้าของคนเดียว (Single proprietorship)
- หุ้นส่วน(Partnership)
- บริษัทจํากัด (Corporation)
- เจ้าของคนเดียว (Single proprietorship) ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก มีเจ้าของลงทุนใน กิจการเพียงคนเดียวแต่อาจดําเนินธุรกิจในลักษณะของครอบครัว หรือญาติพี่น้อง โดยไม่ได้จดทะเบียน เป็นนิติบุคคล แต่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499
- ห้างหุ้นส่วน (Partnership) เป็นธุรกิจขนาดเล็ก หรือ ขนาดกลางที่มีเจ้าของตั้งแต่ 2 คน ขึ้น ไป ร่วมทุนในการดําเนินธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งผลกําไรขาดทุนตามอัตราส่วนที่ตกลงกันไว้ โดยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล หรือไม่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลก็ได้
- บริษัทจํากัด (Corporation) เป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือ ขนาดใหญ่ ที่จัดตั้งขึ้นโดย การ่วมทุนของกลุ่มคนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป เข้าชื่อทําหนังสือบริคณห์สนธิ และต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ทุนของธุรกิจแบ่งออกเป็นจํานวนหุ้น มูลค่าหุ้นละเท่า ๆ กัน โดยมีมูลค่าจดทะเบียนไม่ต่ํากว่า หุ้นละ 5 บาท ประกอบด้วย 1) หุ้นสามัญ (Common stock) และ 2) หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred stock) ผู้ที่ลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทเรียกว่า “ผู้ถือหุ้น” มีสถานะเป็นเจ้าของธุรกิจ และจะได้รับ ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล (Dividend)
ลักษณะการดําเนินงานของธุรกิจ
นอกจากนี้การดําเนินงานของธุรกิจยังสามารถแบ่งตามลักษณะรายได้ของธุรกิจ เป็น 2 ลักษณะคือ
- ธุรกิจบริการ (Service Business)
- ธุรกิจขายสินค้า ประกอบด้วย
- ธุรกิจซื้อสินค้าเพื่อขาย (Merchandising Business)
- ธุรกิจผลิตสินค้าเพื่อขาย (Manufacturing Business)
-
-
- ธุรกิจบริการ (Service Business) เป็นธุรกิจที่มีรายได้จากการให้บริการลูกค้า และมี ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากต้นทุนการให้บริการและการดําเนินงาน ธุรกิจประเภทนี้ได้แก่ การขนส่งทางอากาศ สํานักงานรับทําบัญชี สํานักงานกฎหมาย อู่ซ่อมรถ ร้านเสริมสวย ธนาคาร และสถาบันการเงินต่าง ๆ เป็นต้น
- ธุรกิจซื้อสินค้าเพื่อขาย (Merchandising Business) เป็นธุรกิจที่มีรายได้จากการขาย สินค้า และมีค่าใช้จ่ายที่เกิดจากต้นทุนขายสินค้าและการดําเนินงาน ธุรกิจประเภทนี้ได้แก่ ธุรกิจค้าส่ง ธุรกิจค้าปลีก การขายผ่อนชําระ การฝากขาย และการเป็นตัวแทนจําหน่าย เป็นต้น ธุรกิจเหล่านี้ไม่ สามารถผลิตสินค้าเองได้ ต้องซื้อสินค้าจากผู้ผลิตเพื่อนํามาขายต่อ จึงมีลักษณะเป็นพ่อค้าคนกลาง ด้วย เหตุนี้ธุรกิจประเภทนี้จึงถูกเรียกอีกชื่อว่า “ธุรกิจซื้อมา-ขายไป”
- ธุรกิจผลิตสินค้าเพื่อขาย (Manufacturing Business) เป็นธุรกิจที่มีรายได้จาการขาย สินค้า และมีค่าใช้จ่ายที่เกิดจากต้นทุนการผลิตสินค้า ต้นทุนการขายสินค้า และการดําเนินงาน ธุรกิจ ประเภทนี้ได้แก่ โรงงานทอผ้า โรงงานผลิตปลากระป๋อง ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น และด้วยธุรกิจ ประเภทนี้มีลักษณะในการผลิตสินค้าเองได้ และมีโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ในการผลิตสินค้า เราจึงเรียก ธุรกิจประเภทนี้ว่า “ธุรกิจการผลิต” หรือ “ธุรกิจอุตสาหกรรม”
การบัญชี
การบัญชี คือ ศิลปะของการรวบรวม บันทึก จำแนก และทำสรุปข้อมูลอันเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจในรูปตัวเงิน ผลงานขั้นสุดท้ายของการบัญชีคือ การให้ข้อมูลทางการเงิน ซึ่งเป็นประโยชน์แก่บุคคลหลายฝ่าย และผู้ที่สนใจในแต่ละกิจกรรม
จากคำจำกัดความของคำว่า “การบัญชี” สามารถอธิบายความหมายได้ดังนี้
- ขั้นตอนของการเลือกและการเก็บรวบรวมคือการพิจารณาว่ารายการที่เกิดขึ้นเป็นรายการค้าหรือไม่ (เป็นเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่กิจการต้องนำมาบันทึกหรือไม่) ต้องเก็บรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อไว้ใช้ในการบันทึกบัญชี
- การจดบันทึกและการวัดมูลค่าเป็นการนำข้อมูลเอกสารจากขั้นตอนแรกมาบันทึกรายการทางบัญชีหรือรายการค้าและเหตุการณ์ ซึ่งจะต้องเป็นรายการหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วมาบันทึกลงในสมุดบัญชี เรียกว่า “สมุดรายวัน” (Journal) การบันทึกจะมีการวัดมูลค่าเข้ามาเกี่ยวข้อง การวัดมูลค่า หมายถึง การแสดงมูลค่าของรายการนั้น ๆ จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าเป็นรายการประเภทไหน เช่น วัดด้วยราคาทุน (ราคา ณ วันที่ได้มา) หรือวัดด้วยราคายุติธรรม (ราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายมีความเต็มใจในการซื้อขายกันv ไม่มีใครมีอำนาจเหนือใคร)
- การใช้หน่วยเงินตราการบันทึกรายการทางบัญชีต้องใช้หน่วยเงินตรา เช่น บาท ดอลลาร์ เป็นต้น และถือว่าจำนวนที่บันทึกลงไปแต่ละหน่วยจะมีค่าคงที่ แม้ค่าของเงินจะเปลี่ยนแปลง
- การจัดหมวดหมู่เพื่อหายอดคงเหลือของทุกรายการโดยการแยกประเภทบัญชีเป็นสินทรัพย์ หนี้สิน ทุน รายได้ และค่าใช้จ่าย ในการจัดหมวดหมู่จะใช้สมุดบัญชีที่เรียกว่า “สมุดแยกประเภท” (Ledger)
- การสรุปผลและการรายงานข้อมูลทางการเงินเมื่อมีการบันทึกบัญชีไประยะหนึ่ง จะต้องนำรายการที่จัดหมวดหมู่มาสรุปผลดำเนินการและฐานะของกิจการโดยจัดทำ “งบการเงิน” (Financial Statement) ซึ่งประกอบด้วย 5 ส่วนคือ
- กำไรขาดทุน
- งบดุล
- งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้น
- งบกระแสเงินสด
- นโยบายบัญชี และหมายเหตุประกอบงบการเงิน นโยบายบัญชี เป็นหลักการทางบัญชีที่กิจการใช้ในการจัดทำ และนำเสนองบการเงิน สำหรับหมายเหตุประกอบงบการเงินเป็นการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ที่สำคัญทำให้ผู้ใช้งบการเงินได้ทราบหลักปฏิบัติทางบัญชีที่กิจการเลือกใช้ในการจัดทำและนำเสนองบการเงิน


การบัญชี และ การทำบัญชี
การทำบัญชีและการบัญชี สองคำนี้ยังมีผู้เข้าใจสับสนว่าเหมือนกันหรือแตกต่างกัน คำตอบคือสองคำนี้มีความสัมพันธ์กัน กล่าวคือ การทำบัญชี (book keeping) เป็นส่วนหนึ่งของ การบัญชี (Accountimg)

งานของการทำบัญชี เป็นเรื่องของการบันทึกรายการค้าหรือข้อมูลทางบัญชีที่เกิดขึ้นในสมุดบัญชีจนกระทั่งจัดทำงบการเงินผู้ที่มีหน้าที่ในการบันทึกบัญชีเรียกว่า “ผู้ทำบัญชี” (Bookkeeper) ส่วนการบัญชีเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบระบบการบันทึกบัญชี การจัดทำรายงานการเงินและแปลความหมายของรายงานการเงิน นักบัญชี (Accountant) มีหน้าที่จัดวางระบบบัญชีของกิจการ ควบคุมและตรวจตรางานของผู้ทำบัญชี ดังนั้นนักบัญชีต้องเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์มากว่าผู้ทำบัญชี
ประโยชน์ของข้อมูลทางการบัญชี
- ทราบถึงความก้าวหน้าของกิจการ และประสบการณ์ในการดำเนินงานของผู้บริหาร
- ทราบถึงผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของกิจการ
- ให้ผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ ใช้ข้อมูลเพื่อประกอบการวางแผนการควบคุม และตัดสินใจ
- ให้ฝ่ายบริหารทราบถึงข้อบกพร่องในการดำเนินงานที่ผ่านมา เพื่อที่จะเป็นแนวทางในการปรับปรุงการดำเนินงานในอนาคต
ผู้ใช้ข้อมูลทางบัญชี
- ผู้ถือหุ้น (Stockholder) เป็นผู้นำเงินมาลงทุนในกิจการ (ในรูปเงินสดหรือสิ่งของก็ได้) ดังนั้นผู้ถือหุ้นก็ต้องการทราบผลการดำเนินงานว่ามีกำไรหรือขาดทุน มีการจ่ายเงินปันผลมากน้อยเพียงใด
- เจ้าหนี้ (Creditor) เป็นผู้ที่ให้กิจการกู้เงิน หรืออาจให้เครดิตแก่กิจการในการชำระเงินสด ผู้เป็นเจ้าหนี้ต้องการทราบความสามารถในการชำระหนี้ของกิจการ
- ผู้บริหาร (Management Team) เป็นผู้ที่ได้รับผลตอบแทน ดังนั้นผู้บริหารต้องสนใจในผลประกอบการของกิจการรวมทั้งฐานะของกิจการ หากกิจการมีผลประกอบการที่ดี ฐานะการเงินที่มั่นคง ผู้บริหารก็จะได้รับผลตอบแทนจากกิจการที่ดี
- คู่แข่งขัน (Competitor) ต้องการทราบเพื่อที่จะได้วางแผนกำหนดนโยบายของกิจการตัวเองเพื่อที่จะได้แข่งขันและอยู่รอดได้ในธุรกิจ
- พนักงาน (Employee) เพื่อคาดการณ์การได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินเดือน โบนัส รวมทั้งจะได้พิจารณาถึงความมั่นคงของตัวเองในการทำงานที่กิจการ
- ลูกค้า (Customer) หากลูกค้าต้องการที่จะสั่งซื้อสินค้าหรือบริการจากกิจการก็ต้องพิจารณาถึงความมั่นคงของกิจการเพื่อพิจารณาว่าเมื่อสั่งสินค้าแล้วจะได้รับการจัดส่งตรงตามเวลาหรือไม่
จากผู้ใช้ข้อมูลทางการบัญชี จะเห็นได้ว่าสามารถจำแนกประเภทของผู้ใช้งบการเงินได้เป็น 2 ประเภท คือ ผู้ใช้งบการเงินภายในกิจการ และผู้ใช้งบการเงินภายนอกกิจการ จากหลักการนี้สามารถแบ่งประเภทของการบัญชีได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ การบัญชีการเงิน และการบัญชีบริหาร หรือการบัญชีเพื่อการจัดการ
- การบัญชีการเงิน (Financial Accounting) หมายถึง การจัดทำบัญชีและการรายงานทางการเงินของกิจการที่จัดทำภายใต้กฎเกณฑ์หลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปหรือมาตรฐานบัญชี ให้แก่ผู้ใช้งบการเงินภายนอกกิจการ เพื่อใช้ประกอบการวางแผน ควบคุม และตัดสินใจในการดำเนินการต่าง ๆ
- การบัญชีบริหาร (Managerial Accounting) หมายถึง การจัดทำบัญชี และรายงานทางการเงินของส่วนงานต่าง ๆ ในองค์กรให้แก่ฝ่ายบริหารของกิจการเพื่อใช้ในการวางแผน ควบคุม และตัดสินใจ การจัดทำข้อมูลทางบัญชีจะทำตามความเหมาะสม และตามความต้องการของฝ่ายบริหาร
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำบัญชี ปัจจุบันมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบัญชีที่สำคัญได้แก่
- พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ.2543
- พระราชบัญญัติวิชาชีพการบัญชี พ.ศ.2547
- มาตราฐานการบัญชี (Account Standard)
ทำบัญชี
ผู้จัดทำบัญชีตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ.2543 หมายถึงผู้ที่มีส่วนบริการงานเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีในธุรกิจของตนให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ซึ่งธุรกิจและผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดทำบัญชีของธุรกิจดังกล่าว ประกอบไปด้วย
ผู้จัดทำบัญชีดังกล่าวมีหน้าที่และความรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดทำบัญชี ดังนี้
-
- จัดให้มีเอการประกอบการลงบัญชี ได้แก่ บันทึก หนังสือหรือเอกสารใด ๆที่ใช้เป็นหลักฐานในการลงรายการบัญชี
- ส่งมอบเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีให้ผู้ทำบัญชี
ประเภทธุรกิจ |
ผู้รับผิดชอบ |
1. ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน |
หุ้นส่วนผู้จัดการ |
2. บริษัทจำกัด |
กรรมการ |
3. บริษัทมหาชนจำกัด |
กรรมการ |
4. นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย |
ผู้รับผิดชอบการดำเนินการในประเทศไทย |
5. กิจการร่วมค้าตามประมาลรัษฎากร |
ผู้อำนวยการหรือผู้จัดการ |
6. สถานที่ประกอบธุรกิจเป็นประจำ |
ผู้จัดการ |
7. บุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วนสามัญที่ ประกอบ ธุรกิจผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก เทป ซีดี วีดีโอ |
เจ้าของหรือผู้จัดการ |
อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม
บทกำหนดโทษหากไม่จัดให้มีการทำบัญชี
ภงด 53 คือ แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 3 เตรส และมาตรา 69 ทวิ และการเสียภาษีตามมาตรา 65 จัตวา แห่งประมวลรัษฎากร
สรุป ให้เข้าใจง่ายๆ หลักๆ จะเป็นเงินที่หักจาก ค่าเช่า ค่าอาชีพอสระ ค่าจ้าง ค่าแรง เงินรางวัล ค่าขนส่ง เมื่อหักแล้วต้องนำส่งให้กรมสรรพากรในเดือนถัดไปหลังจ่ายเงินเดือน กำหนดจ่ายชำระก่อนวันที่ 7 ของทุก ๆ เดือน แต่จะหัก เฉพาะนิติบุคคลเท่านั้น วิธีการหักคล้ายกับ ภ.ง.ด.3 อ่านเพิ่มเติม
ภาษีซื้อ ภาษีขาย
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax) หรือ VAT เป็นการเก็บภาษีจากการขายสินค้า หรือการให้บริการในแต่ละขั้นตอนการผลิต และจำหน่ายสินค้าหรือบริการ ทั้งที่ผลิต ภายในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ้งประกอบไปด้วย
- ภาษีซื้อ (Output Tax)
- ภาษีขาย (Input Tax)
ภาษีซื้อ คือ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้ จ่ายให้กับผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่เป็น ผู้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อซื้อสินค้าหรือ ชำระค่าบริการเพื่อใช้ในการประกอบกิจการ ของตน ภาษีซื้อที่จะนำมาหักได้นี้คลุมไปถึง ภาษีซื้อของสินค้าประเภททุนด้วย ปัจจุบันอัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 7 % และ 0 %
ภาษีขาย คือ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ เรียกเก็บหรือพึงเรียกเก็บจากผู้ซื้อสินค้าหรือ ผู้รับบริการ เมื่อมีการขายสินค้าหรือรับค่า บริการ ปัจจุบันอัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 7 % และ 0 %
ตรวจสอบการยื่นภาษี
วิธีการตรวจสอบการยื่นภาษี ทั้งภาษี หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการคงอยากรู้ว่าเงินภาษีที่ส่งให้ ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานบัญชี หรือ บุคคลธรรมดาที่รับยื่นภาษี นำส่งเงินที่เราให้ไปแล้วหรือไม่?
ถ้าเงินภาษีที่เรานำส่งไม่ถึงมือ สรรพากร ปทุมธานี โดยปกติมักไม่ระบุเวลาที่แน่นนอน ในการที่สรรพากรจะแจ้งเตือนผู้ประกอบการให้ทราบว่า “ไม่ได้มีการนำส่งเงิน” บางครั้งอาจนาน บางครั้งอาจใช้เวลาไม่นานขึ้นอยู่กับสรรพากรแต่ละหน่วยงาน เช่น
- ภาษี หัก ณ ที่จ่าย หากสรรพามีการตรวจสอบ ยืนยันยอดกับ บริษัทคู่ค้า ทำให้ตรวจพบเจอเร็ว
- แต่ถ้าบางครั้ง ภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ได้มีการตรวจสอบยืนยันยอดกับบริษัทคู่ค้าเรา ผู้ประกอบการก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เงินภาษีที่เราโอนให้ผู้รับยื่นภาษีนั้น ได้นำส่งถึงสรรพากรหรือไม่?
- ใบ หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1,ภ.ง.ด.3,ภ.ง.ด.53)
- ใบกำกับภาษี เป็นต้น
วิธีการตรวจสอบการยื่นภาษี
- กรณียื่นผ่านอินเตอร์เน็ต
- ในการยื่นเน็ตนั้น เป็นสิ่งที่ง่ายเลย ในการตรวจสอบ หากผู้ประกอบการต้องการทราบ ก็ขอเลขจากผู้สมัคร ไว้เช็คในการตรวจสอบ ได้เลย
- กรณียื่นมือที่เขต
- หากยื่นด้วยมือ ใบเสร็จที่ได้จะเป็นแบบสีเหลืองหาก ที่นี้!! ก็แล้วแต่ระบบการจัดการของแต่ละที่ว่า จะทำให้ผู้ประกอบการทราบได้อย่างไร เช่น ส่งสำเนาเป็นประจำทุกเดือน ถ่ายรูปส่ง ผ่าน ระบบ Line หรือ บางที่คัดแบบ สแกนและอัพขึ้นระบบ ให้สามารถตรวจสอบได้ทางอินเตอร์เน็ตให้เหมือนกับการยื่นผ่านอินเตอร์เน็ต
เบอร์หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง
- สำนักงงานขนส่งจ.ปทุมธานี อ.คลองหลวง 02 985 7543
- สำนักงานประกันสังคมปทุมธานี 02 567 0360
- สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาเมืองปทุม 02 581 6457
- กรมสรรพากรสำนักงานใหญ่ 02 272 9529
10 คำค้นที่นิยมค้นหาเว็บ รับทำบัญชี ปทุมธานี
รับทำบัญชี กระเป๋าผ้า ปทุมธานีรับทำบัญชี ฟาร์ม ปทุมธานีรับทำบัญชี ภัณฑ์ลดน้ำหนัก ปทุมธานีรับทำบัญชี เมคอัพ ปทุมธานีรับทำบัญชี ร้านเสริมสวย ปทุมธานีรับทำบัญชี สร้างอาคารพาณิชย์ ปทุมธานีรับทำบัญชี ห้องเช่า ปทุมธานีรับทำบัญชี trueaplus รับเหมา ปทุมธานีรับทำบัญชี ช้อปปี้เพย์ใกล้ตัว ปทุมธานีรับทำบัญชี วัตถุดิบสำหรับทำขนม ปทุมธานี